ศัลยกรรมผ่าตัดยกกระชับหน้าอก (Breast Lifting)
การมีทรง หน้าอก ที่สวยได้รูปนั้นเป็นสิ่งที่สาวๆ หลายคนต้องการเพราะไม่เพียงช่วยให้บุคลิกดูดีขึ้น แต่ยังช่วยให้รูปร่างดูมีเสน่ห์น่าหลงใหล เมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไปหน้าอกของผู้หญิงทุกคนก็มีโอกาสเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา อาจสูญเสียความแน่นกระชับ พบปัญหาการหย่อนคล้อยของหน้าอกทำให้ดูแก่กว่าวัย บุคลิกภาพแย่ลง ไม่มั่นใจ และขาดความมีเสน่ห์ ซึ่งปัญหานี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะวัยคุณแม่เท่านั้น แต่ยังสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกวัยหากสวมใส่ชุดชั้นในไม่ถูกต้องตามสรีระหรือเกิดขึ้นได้หากมีการลดน้ำหนักที่รวดเร็วจนเกินไป
ทำไมต้องยกกระชับหน้าอกที่มาสเตอร์พีซ คลินิก
มาสเตอร์พีซ คลินิกของเราใส่ใจ และรู้จริงถึงปัญหาของหน้าอกหย่อนคล้อยไม่กระชับ และเสียรูปทรงทำให้ขาดความมั่นใจ และเมื่อปัญหาเหล่านี้เป็นสิ่งที่กวนใจคุณ ทางมาสเตอร์พีซ คลินิกมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการศัลยกรรมผ่าตัดยกกระชับหน้าอก (Breast Lifting) ซึ่งเป็นการยกกระชับ ปรับไซส์ คืนวัยสาว ให้แก่ผู้ที่มีปัญหา โดยเราใส่ใจในรายละเอียดทุกขั้นตอนการทำ เพราะการศัลยกรรมผ่าตัดยกกระชับหน้าอก (Breast Lifting) ไม่ใช่เพียงแค่ผ่าตัดผิวหนังส่วนเกินออกเท่านั้น แต่ยังรวม 3 เทคนิคการคืนความสวยวัยสาวให้กับคุณ คือ การยกกระชับหน้าอกให้แน่นกระชับขึ้น เพิ่มขนาดเพื่อให้ได้ทรงสวย รวมถึงปรับแก้ปานนม เพื่อให้หน้าอกของคุณออกมาสวยเพอร์เฟคมากที่สุด ดังนั้นคุณมั่นใจได้เลยว่ามาสเตอร์พีซ คลินิก จะดูแล แก้ไขปัญหา พร้อมออกแบบหน้าอกของคุณให้สวยงามอวบอิ่ม เต่งตึงเหมือนวัยสาวอีกครั้ง
ผู้ที่เหมาะต่อการศัลยกรรมผ่าตัดยกกระชับหน้าอก
ด้วยปัญหาการหย่อนคล้อยและเสียรูปทรงของหน้าอกนั้น ผู้ที่มีปัญหาสามารถแก้ไขได้ด้วยการศัลยกรรมผ่าตัดยกกระชับหน้าอก โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะประเมินปัญหาของแต่ละบุคคล เพื่อจะได้ทำการแก้ไขให้ได้อย่างตรงจุด ซึ่งการศัลยกรรมผ่าตัดยกกระชับหน้าอกจะเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาดังนี้
– ผู้หญิงที่ผ่านการตั้งครรภ์ และให้นมบุตร
– ผู้ที่ผ่านการลดน้ำหนักมา
– ผู้ที่มีขนาดหน้าอกใหญ่
– ผู้ที่เลือกใส่ชุดชั้นในไม่ถูกไซส์ และไม่ถูกต้องตามสรีระ
โดยหน้าอกที่เหมาะแก่การศัลยกรรมผ่าตัดยกกระชับหน้าอก (Breast Lifting) แบ่งเป็น 3 ระดับ คือ
ระดับที่ 1 หัวนมหรือปานนมคล้อยต่ำกว่าฐานหน้าอก 1 เซนติเมตร
ระดับที่ 2 หัวนมหรือปานนมคล้อยต่ำกว่าฐานหน้าอก 1-3 เซนติเมตร ทรวงอกเริ่มมีความแบนและหย่อนคล้อย
ระดับที่ 3 หัวนมหรือปานนมคล้อยต่ำกว่าฐานหน้าอก 3 เซนติเมตรขึ้นไป ทรวงอกมีความแบนและหย่อนคล้อยมากจนเต้านมเสียรูปทรง
วิธีการศัลยกรรมผ่าตัดยกกระชับหน้าอก
โดยทั่วไปแล้วการศัลยกรรมผ่าตัดยกกระชับหน้าอก (Breast Lifting) แบ่งเป็น 4 วิธีใหญ่ๆ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแพทย์ประเมินความหย่อนคล้อย และรูปทรงของหน้าอกด้วย โดยปกติเวลาที่ใช้ในการผ่าตัดอยู่ที่ 2-3 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับระดับความหย่อนคล้อยของหน้าอกของผู้ที่มีปัญหา โดยวิธีการศัลยกรรมผ่าตัดยกกระชับหน้าอกทั้ง 4 แบบมีดังนี้
การผ่าตัดแบบ Anchor หรือแบบรูปตัว T หัวกลับ (inverted T incision)
การผ่าตัดยกกระชับหน้าอกแบบ Anchor หรือแบบรูปตัว T หัวกลับนั้น เหมาะกับกรณีที่เต้านมหย่อนคล้อยมาก หัวนมอยู่ต่ำกว่าระดับใต้ราวนมตั้งแต่ 3 เซนติเมตรขึ้นไป เพราะเมื่อเต้านมมีความหย่อนคล้อยมากกว่าปกติ ผิวหนังบริเวณใต้ราวนมจึงมีปริมาณมากขึ้นด้วย เทคนิคแบบ Anchor นั้น จะตัดเนื้อส่วนเกินแล้วเก็บเข้ามาบริเวณใต้ราวนมและบริเวณข้างๆ เต้านม ทำให้ง่ายต่อการย้ายหัวนมให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมอีกด้วย
การผ่าตัดแบบ Lollipop หรือแบบแนวตั้งรูปตัว T (Vertical Mastopexy)
การผ่าตัดยกกระชับหน้าอกแบบ Lollipop หรือแบบแนวตั้งรูปตัว T นั้น เหมาะกับกรณีที่เต้านมหย่อนคล้อยค่อนข้างมาก หัวนมอยู่ต่ำกว่าระดับใต้ราวนมประมาณ 1-3 เซนติเมตร ซึ่งเทคนิคแบบ Lollipop หรือแบบแนวตั้งรูปตัว T นั้นจะช่วยตัดผิวหนังบริเวณด้านข้างเต้านมและเก็บเข้ามาให้ตึงกระชับและได้รูปทรงมากขึ้น ซึ่งวิธีนี้ทำให้ง่ายต่อการย้ายหัวนมให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม และที่สำคัญวิธีนี้ยังช่วยให้หน้าอกไม่แบนราบมีรูปทรงกลมกลึงสวยงามยิ่งขึ้น
การผ่าตัดแบบ Donut หรือแบบรอบปานนม (Circumareolar Mastopaxy)
การผ่าตัดยกกระชับหน้าอกแบบ Donut หรือแบบรอบปานนมนั้น เหมาะกับผู้ที่มีความหย่อนคล้อยของเต้านมน้อยหรือหย่อนคล้อยปานกลาง หัวนมอยู่ต่ำกว่าระดับใต้ราวนมประมาณ 1เซนติเมตรหรือมากกว่านั้น เทคนิคแบบ Donut หรือแบบรอบปานนมนั้น จะตัดผิวหนังบริเวณรอบปานนมและเก็บเข้ามาให้ดูตึงกระชับมากขึ้น ซึ่งข้อดีของวิธีนี้คือแผลเป็นบริเวณรอบปานนมจะดูเป็นธรรมชาติสวยงาม
การผ่าตัดแบบรูปเสี้ยวพระจันทร์หรือบนปานนม (Crescent Mastopexy)
การผ่าตัดยกกระชับหน้าอกแบบรูปเสี้ยวพระจันทร์หรือบนปานนมนั้น เหมาะกับผู้ที่มีความหย่อนคล้อยของเต้านมเล็กน้อย หัวนมอยู่ต่ำกว่าระดับใต้ราวนมประมาณ 1เซนติเมตรหรือน้อยกว่านั้น แบบรูปเสี้ยวพระจันทร์หรือบนปานนมนั้น จะตัดขอบของปานนมเป็นรูปเสี้ยวพระจันทร์แล้วยกตำแหน่งของหัวนมและปานนมขึ้นเล็กน้อย วิธีนี้สามารถขยับปานนมและระดับหัวนมขึ้นได้ 1-3 เซนติเมตร
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆ อย่าง โดยที่หน้าอกอาจมีอาการเจ็บเพียงข้างใดข้างหนึ่ง อาจไม่มีอาการเจ็บเลยก็ได้ หรืออาจมีอาการชาบริเวณหัวนมและฐานนมได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล แต่อาการจะค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ
การเตรียมตัวก่อนศัลยกรรมผ่าตัดยกกระชับหน้าอก
- กรุณาแจ้งข้อมูลหากมีโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยา หรือหากมีอาการเจ็บป่วยก่อนวันผ่าตัด ให้เจ้าหน้าที่ทราบก่อนวันผ่าตัด อย่างน้อย 1-3 วัน
- งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 2 สัปดาห์ก่อนและหลังการผ่าตัด
- ควรงดยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด อย่างน้อย 7-14 วันก่อนการผ่าตัด
- งดรับประทานอาหารและดื่มน้ำอย่างน้อย 8 ชั่วโมงขึ้นไป ก่อนเข้ารับการผ่าตัด
- งดใส่คอนแทคเลนส์, แต่งหน้า, ทาเล็บ, ทาโลชั่น, ฉีดน้ำหอมหรือใส่เครื่องประดับในวันผ่าตัด
- วันผ่าตัดแนะนำให้ใส่เสื้อผ้า ที่มีซิบหรือกระดุมด้านหน้าและสวมใส่สบาย ไม่ควรใส่ชุดรัดรูป
- ควรมีผู้ติดตามหรือญาติมาด้วยในวันผ่าตัด
ขั้นตอนการศัลยกรรมผ่าตัดยกกระชับหน้าอก
การดูแลหลังศัลยกรรมผ่าตัดยกกระชับหน้าอก
- ควรดูแลรักษาแผลให้แห้งอยู่เสมอ ระวังอย่าให้แผลโดนน้ำประมาณ 5 วัน หากแผลเปียกน้ำควรใช้ผ้าสะอาดซับแผลให้แห้งทุกครั้ง
- หลังการผ่าตัดควรงดออกกำลังกาย หรือกิจกรรมที่ต้องยกแขนสูง ประมาณ 3-4 สัปดาห์
- ควรสวมชุดซัพพอร์ตหน้าอก หลังการผ่าตัดยกกระชับหน้าอก 2-4 สัปดาห์
- ชุดชั้นในแบบมีโครงสามารถใส่ได้หลังจากผ่าตัด 4-6 สัปดาห์ขึ้นไป หรือตามคำแนะนำของแพทย์
- หลังการผ่าตัดควรนอนหงายประมาณ 3-4 สัปดาห์ ไม่ควรนอนตะแคงหรือนอนคว่ำ
- หลังการผ่าตัด 4-6 สัปดาห์ สามารถนวดหน้าอกเบาๆ ได้
- หากมีอาการปวดสามารถทานพาราเซตามอลเพื่อบรรเทาอาการปวดได้
- ควรทายาลดรอยแผลเป็นหลังผ่าตัด 3 สัปดาห์
- งดอาหารแสลง ของหมักดอง ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก
- แพทย์จะนัดเข้ามาติดตามผลหลังการผ่าตัด (Follow – Up Visits) 4 วันเพื่อตรวจเช็คแผล หลังผ่าตัด 7 วันเพื่อทำความสะอาดแผลและตัดไหม จากนั้นจะนัดติดตามผลอีกเมื่อครบ 30วัน, 3 เดือน, 6 เดือน, และ 1 ปี เพื่อดูความปกติของหน้าอก