ศัลยกรรมเสริมหน้าอก

ปัจจุบันผู้หญิงได้ให้ความสำคัญกับรูปร่างมากขึ้น การเสริมหน้าอก จึงเป็นศัลยกรรมอันดับต้นๆ ที่ผู้หญิงหลายคนเลือกทำ เพื่อช่วยให้รูปร่างได้สัดส่วนมากขึ้นเพราะมีส่วนโค้งส่วนเว้า และง่ายต่อการแต่งตัว เนื่องจากหน้าอกก็เป็นอวัยวะส่วนหนึ่งที่แสดงความเป็นตัวตนของเพศหญิงได้ชัดเจน ปัจจุบันการแพทย์ด้านศัลยกรรมความงามได้พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ศัลยกรรมเสริมหน้าอก ทำนมเป็นที่นิยมไม่น้อยไปกว่าการศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าเลยทีเดียว

การเสริมหน้าอก (ทำนม) โดยใช้ถุงเต้านมเทียม (Breast implant) ทางมาสเตอร์พีชเลือกใช้ของยี่ห้อจากอเมริกา ได้แก่ Mentor โดยเป็นซิลิโคนที่ศัลยแพทย์เชื่อมั่นว่าดีที่สุดสำหรับการเสริมหน้าอก ซึ่งปัจจุบันนิยมใช้เป็นซิลิโคนแบบเจลแทนถุงน้ำเกลือเนื่องจากมีความปลอดภัยไม่เสี่ยงรั่วซึมในอนาคต สำหรับการผ่าตัดจะเป็นการวางยาสลบ

ด้วยวิสัญญีแพทย์เฉพาะทาง

อ่านข้อมูลเพิ่มเติม

ศัลยกรรมเสริมหน้าอก Masterpiece

Cohesive Gel Silicone สำหรับ เสริมหน้าอก คืออะไร ?

ปัจจุบันได้มีการเสริมหน้าอก (ทำนม) ด้วยซิลิโคนเจล Cohesive gel บางคนก็เรียกว่า Memory gel บ้างก็เรียกว่า Gummy bear gel เพราะความหมายที่สื่อออกมาก็คือ Gel ชนิด นี้มันคงรูปร่างหรือรูปทรงไม่เปลี่ยนแปลง เป็นที่นิยมมากกว่าถุงน้ำเกลือที่มีโอกาสรั่วซึม เพราะเมื่อเสื่อม Cohesive Gel จะไม่รั่วไหลออกมาสู่ร่างกาย และยังได้รับการรับรองจาก FDA แล้วว่าไม่เป็นอันตราย

รูปแบบของซิลิโคนมีแบบไหนบ้าง

  • รูปทรงกลม Round Implant
  • รูปทรงหยดน้ำ Shaped Implants

โดยผิวของซิลิโคนซิลิโคนที่นิยมใช้เวลาเสริมหน้าอกจะมีเปลือกหุ้มเป็นผิวสองแบบผิวเรียบ(smooth)ผิวขรุขระหรือที่ชอบเรียกว่าผิวทราย (Textured)

วิธีการผ่าตัดเสริมหน้าอก

Periareola หรือ ผ่าตัดบริเวณปานนม

  1. ต้องมีการผ่าตัดผ่านเนื้อเต้านม ทำให้อาจมีอาการชาของหัวนมได้ และอาจจะหมดความรูสึกในส่วนนี้ไป
  2. เทคนิคนี้ขนาดหัวนมต้องมีขนาดใหญ่พอ
  3. เหมาะกับบางรายที่มีผิวหนังที่ยืดหยุ่นได้ดีและหนาพอ ไม่เหมาะกับคนที่มีผิวบางเกินไปรวมไปถึงการใส่ซิลิโคนที่ใหญ่เกินไป
  4. ในคนเอเชียบริเวณขอบปานนมจะไม่เป็นที่นิยมเพราะจะเห็นแผลเป็นค่อนข้างชัด จะใช้วิธีซ่อนแผลรอบปานนม

Transaxillary หรือ ผ่าตัดบริเวณรักแร้

  1. บาดแผลจะซ่อนอยู่ทางใต้รักแร้ไปตามรอยพับของผิวหนัง ข้อดีคือสามารถซ่อนแผลเป็นได้ง่ายแผลบริเวณนี้มักใช้ในกรณีที่ไม่ต้องการให้มีแผลบริเวณเต้านมเลย
  2. แต่ระยะทางจากรักแร้ถึงทรวงอกนั้นค่อนข้างไกล การเลาะพังผืด เนื้อเยื่อเพื่อใส่ซิลิโคนก็อาจทำให้เกิดการบอบช้ำได้มากกว่า
  3. วิธีนี้ไม่เหมาะกับการใส่ซิลิโคนชนิดหยดน้ำที่ต้องจัดให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง เพราะลักษณะซิลิโคนที่ไม่สมมาตร การใส่จะต้องได้ตำแหน่งที่ถูกต้อง ฝั่งที่มีความนูนจะต้องอยู่กึ่งกลางพอดี
  4. ข้อเสียคือ มีโอกาสที่เต้านมซิลิโคนจะเคลื่อนขึ้นสูงกว่าปกติได้
  5. ปัจจุบันมีเทคนิคใส่ซิลิโคนโดยใช้กล้องสอดมาช่วย

Inframammary หรือ ผ่าตัดบริเวณใต้ราวนม

  1. แผลผ่าตัดจะอยู่บริเวณส่วนที่ต่ำสุดของเต้านม โดยจะซ่อนอยู่ในขอบชั้นใน เหมาะกับคนที่ชอบใส่เสื้อแขนกุด
  2. แพทย์สามารถจัดตำแหน่งของเต้านมที่เสริมและห้ามเลือดระหว่างผ่าตัดได้ เหมาะกับการเสริมเต้านมแบบทรงหยดน้ำ ทั้งนี้จะมีความบอบช้ำน้อย แผลโดยมากจะอยู่ในรอยพับระหว่าง เต้านมกับทรวงอกจึงมองแผลไม่เห็นชัด
  3. ข้อเสียคือจะมีแผลเป็นบริเวณหน้าอกซึ่งบางคนอาจจะไม่ชอบหรือกังวลใจ ว่าจะเห็นแผลได้ง่ายในเวลานอนหงาย

เสริมหน้าอกแบบเหนือกล้ามเนื้อ

ข้อดี

  • ไม่มีการเคลื่อนตัวของถุงเต้านมเทียมขณะที่มีการขยับกล้ามเนื้อ
  • เจ็บน้อยกว่า(ในระยะแรก)ระยะพักฟื้นสั้นกว่า
  • มองดูเป็นธรรมชาติมากกว่าถ้ามีเนื้อนมมากพอ
  • สามารถใส่ซิลิโคนขนาดใหญ่มากๆ ได้
  • การผ่าตัดแก้ไขทำได้ง่ายกว่าใต้กล้ามเนื้อ
  • กรณีที่เต้านมคล้อยไม่มากอาจช่วยแก้ปัญหาเต้านมคล้อยทำให้ไม่ต้องทำการผ่าตัดกระชับเต้านม

ข้อเสีย

  • ในรายที่ผิวหนังบางมีโอกาสคลำพบขอบเต้านมเทียมได้สูงกว่า
  • มองเห็นขอบเต้านมเทียมได้มากกว่า
  • ตัวเต้านมเทียมมีโอกาสคล้อยได้มากกว่า
  • ถ้าเกิดผังผืดรัดจะมองเห็นได้ชัดเจนโดยเฉพาะคนที่มีผิวหนังบาง
  • ถ้ามีรอยพับของถุงเต้านมจะมองเห็นและคลำได้ชัดเจนกว่าโดยเฉพาะถุงที่เป็นผิวทราย
  • โอกาสเกิดผังผืดหดรัดมีมากกว่า มีโอกาสที่เต้านมจะเคลื่อนที่ลงล่างได้มากกว่า

เสริมหน้าอกแบบใต้กล้ามเนื้อ

ข้อดี

  • มีโอกาสคลำพบถุงเต้านมเทียมได้น้อยกว่า ข้อดีคือคลำไม่ได้ขอบ ดูเป็นธรรมชาติ
  • ตัวเต้านมเทียมมีโอกาสคล้อยได้น้อยกว่า
  • โอกาสเกิดเต้านมยานลงในอนาคตได้น้อยกว่า
  • มักคลำไม่เจอรอยพับของถุงเต้านม (ยกเว้นถุงผิวทราย)
  • ทำให้เต้านมจริงถูกเบียดน้อยกว่าหรือหดแฟบได้น้อยกว่า
  • โอกาสเกิดผังผืดหดรัดน้อยกว่า

ข้อเสีย

  • มีการเคลื่อนตัวของถุงเต้านมเทียมได้ขณะมีการขยับกล้ามเนื้อ
  • เจ็บมากกว่า (ในระยะแรก)
  • หน้าอกจะดูห่างกว่า
  • เทคนิคการผ่าตัดยากกว่าเหนือกล้ามเนื้อ (โดยเปิดทางปานนมหรือราวนม)
  • ใช้เวลานานกว่าจะเข้าที่แต่จากหลังที่เข้าที่จะดูเป็นธรรมชาติมาก

Endoscopic Breast Augmentation

“ วิธีการผ่าตัดเสริมหน้าอกผ่านกล้อง เจ็บน้อย และฟื้นตัวเร็ว ”

ศัลยแพทย์จะดำเนินการผ่าตัดเปิดผิวหนังบริเวณใต้รักแร้ประมาณ 3-4 เซนติเมตร แล้วสอดกล้องเอ็นโอสโคปเข้าไปเพื่อเป็นการนำทางสายตา โดยภาพจะถูกส่งผ่านกล้องมายังจอมอนิเตอร์วิธีการนี้จะช่วยทำให้คนไข้มีแผลขนาดเล็กกว่าการผ่าตัดใหญ่ตามกระบวนการ ศัลยกรรมแบบเดิม

ข้อดี

  • แผลผ่าตัดขนาดเล็ก
  • หลังผ่าตัดหากคนไข้ดูแลแผลดีก็จะมองไม่ค่อยเห็นชัดเจน หรือแทบสังเกตไม่เห็น
  • ช่วยลดปัญหาการหดรั้งรอบถุงเต้านมเทียมหลังการเสริมหน้าอก
  • สามารถฟื้นตัวจากการผ่าตัดได้อย่างรวดเร็วกว่าการผ่าตัดแบบปกติ

ข้อเสีย

  • ศัลยแพทย์จะต้องมีประสบการณ์และความชำนาญสูง
  • บางรายจะรู้สึกเจ็บมากกว่าเนื่องจากมีการเปิดช่องว่างในถุงเต้านมในระยะทางที่ยาวกว่าใต้ราวนมหรือปานนม
  • ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง เนื่องจากต้องใช้อุปกรณ์พิเศษ

ข้อควรรู้เกี่ยวกับการเสริมหน้าอก

หลังเสริมหน้าอกสามารถให้นมบุตรได้หรือไม่ ?

หลังเสริมหน้าอกแล้ว สามารถให้นมบุตรได้ จากการศึกษาและวิจัยทางการแพทย์พบว่า ไม่พบซิลิโคนในน้ำมารดาแต่อย่างใด แต่ในกลุ่มที่เสริมหน้าอกแล้วแผลผ่าตัดอยู่รอบๆปานนม อาจมีปัญหาบ้างในการให้นมบุตร นอกจากนี้ที่อาจพบได้เช่นเกิดเต้านมคัดเจ็บอักเสบ ซึ่งภายหลังอาจจะทำให้เป็นเยื่อพังผืดหดรัดได้(capsular contracture) การรับประทานยาปฏิชีวนะก็จะช่วยบรรเทาอาการไปได้ แต่ทางที่ดีเมื่อรู้สึกเจ็บเต้านม หรือเริ่มมีการอักเสบของเต้านม ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบโดยทันที

ซิลิโคนที่ใส่ไปอยู่ได้นานขนาดไหน ?

แม้ว่าบริษัทผู้ผลิตซิลิโคน (Implants) จะรับรองว่าสามารถอยู่ได้ตลอดชีวิตแต่ทางทางแพทย์แล้วไม่สามารถรับรองได้ เพราะวัสดุจากภายนอกที่ใส่เข้าไปในร่างกาย จริงๆแล้วไม่มีอะไรที่อยู่ได้ตลอดชีวิต อาจจะต้องมีการเปลี่ยน ถอดออก ใส่เข้าไปใหม่ แต่ระยะเวลาที่อยู่ในร่างกายของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน สุภาพสตรีบางท่านอาจจะต้องมาทำการผ่าตัดเปลี่ยน เมื่อระยะเวลาผ่านไป 10-20 ปี บางท่านอาจอยู่ได้นานกว่านั้นและไม่มีปัญหา ความผิดปกติใดๆเกิดขึ้นเลยก็เป็นไปได้ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

นอกจากนี้เหตุผลในการเปลี่ยนเต้านมเทียมของแต่ละคนก็ยังแตกต่างกันออกไป เช่นบางคนเปลี่ยนเพราะต้องการไซซ์ที่ใหญ่ขึ้น หรือต้องเปลี่ยนรูปทรงของเต้านมเทียม หรือบางครั้งเปลี่ยนเพราะเกิดภาวะแทรกซ้อนหรือมีการเคลื่อนที่อยู่ผิดตำแหน่งของเต้านมเทียม