ฟิลเลอร์ คือสารเติมเต็มผิวที่นำมาใช้ในการเติมริ้วรอย ร่องลึก และรอบยับย่นต่างๆ บนใบหน้า การฉีดฟิลเลอร์มุ่งเน้นการเพิ่มปริมาตรตามจุดต่างๆ เช่น คาง ใต้ตา ร่องแก้ม ริมฝีปากให้อวบอิ่ม
ฟิลเลอร์ประกอบด้วยกรดไฮยาลูรอนนิค (Hyaluronic Acid) คอลลาเจน และสาร Calcium Hydroxylapatite แพทย์จะฉีดฟิลเลอร์เข้าไปยังบริเวณที่ต้องการการเติมเต็มโดยตรง หลังฉีดฟิลเลอร์แล้วจะเห็นผลทันที และจะคงอยู่ได้นาน 2 – 18 เดือน ขึ้นอยู่กับแบรนด์ของฟิลเลอรที่ใช้และบริเวณที่ฉีด
บริเวณที่นิยมฉีด Filler
- เติมเต็มให้คางดูยาวได้รูปมากขึ้น
- เติมเต็มริมฝีปากให้ดูอวบอิ่ม
- เติมเต็มใต้ตาให้ดูไม่ลึก
- เติมเต็มร่องแก้มให้เรียบเนียน
- เติมเต็มบริเวณใบหน้าส่วนต่างๆให้ดูเต็มอิ่ม
- ในกรณีที่ไม่ต้องการทำศัลยกรรมจมูกสามารถนำมาเติมเต็มจมูกให้ดูมีมิติเพิ่มขึ้นได้
ข้อความรู้เกี่ยวกับ Filler
ผลการรักษา
หลังฉีดสามารถเห็นผลได้ทันที โดยทั่วไปแพทย์จะทายาชาที่บริเวณที่จะฉีดฟิลเลอร์ หรือในบางกรณี แพทย์อาจใช้วิธีประคบน้ำแข็งก่อนทำการรักษา ซึ่งใช้เวลาฉีด 10 – 20 นาที โดยคนไข้สามารถกลับบ้านได้เลยหลังรับการรักษาไม่ต้องพักฟื้น
อาการข้างเคียง
อาจมีอาการบวมเป็นการชั่วคราว (ส่วนใหญ่ในกรณีที่ฉีดฟิลเลอร์ที่ริมฝีปาก) แดง กดเจ็บ และฟกช้ำ การประคบเย็นสามารถช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้ได้ อาการบวมแดงมักจะหายไปภายใน 24 – 48 ชั่วโมง และกลับไปดำเนินชีวิตตามปกติได้ทันทีโดยใช้เครื่องสำอางช่วยปกปิด
การดูแลหลังการรักษา
- 48 ชั่วโมงแรก ไม่ควรออกกำลังกายให้เหงื่อออกมาก หรือไปตากแดดร้อนๆ เพราะอาจทำให้เกิดรอยแดงมากขึ้นบริเวณที่ฉีด
- หลังฉีดทันทีไม่ควรจับ ลูบคลำ นวด หรือปั้นเอง ในบริเวณที่ฉีด เพราะอาจมีผลต่อการเคลื่อนตำแหน่งของตัวยาไปยังตำแหน่งที่ไม่ต้องการได้
- หลังฉีดควรดื่มน้ำในปริมาณที่มากโดยเฉพาะ 4 วันแรก ของหลังฉีด Filler ประมาณ 8-46 แก้ว เพราะ Filler เป็นสารอุ้มน้ำ การดื่มน้ำมากๆ จะทำให้ Filler ที่ทำการเติมเต็มเข้าไปนั้นอยู่ได้นานขึ้น และช่วยให้น้ำจับกับโมเลกุล ของ Filler ที่ฉีด ทำให้ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
- หลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์ความร้อนบริเวณที่ฉีด 2 สัปดาห์